วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

แฟชั่นตามใจ

แฟชั่น เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษว่า fashion ราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคำนี้ว่า "สมัยนิยมหรือวิธีการที่นิยมกันทั่วไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง" เป็นการยอมรับจนเกิดเป็นค่านิยม มีกระบวนการเกิดภาษาใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากคำว่า “วิวัฒนาการ” ที่ทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วินระบุไว้ ว่าวิวัฒนาการ คือ การเปลี่ยนแปลงที่ต้องใช้เวลายาวนานและสามารถถ่ายทอดสิ่งนั้นไปสู่ลูกหลาน ได้ โดยมากแล้วคำว่าแฟชั่น มักมีความหมายเกี่ยวกับการแต่งตัว

ประวัติ

เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่มุนษย์ต้องการในการดำรงชีวิตเพื่อปกปิดร่างกายและให้ความอบอุ่น ความเจริญของมนุษย์ทำให้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เสื้อผ้ายังบ่งบอกถึงลักษณะของผู้สวมใส่ได้ด้วย เช่น ฐานะ, เชื้อชาติ, ฯลฯ
Vogue fashion plate day dresses June 1919.jpg
การพัฒนาของแฟชั่นในแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น การเมือง, เศรษฐกิจ, ภูมิอากาศ, ฯลฯ ในศตวรรษที่ 20 แฟชั่นโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะปี ค.ศ. 1920 - 1930 หรือเรียกว่ายุค แฟลปเปอร์ (Flapper) ผู้หญิงสวมกระโปรงสั้นเป็นครั้งแรก และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้หญิงต้องออกจากบ้านเพื่อทำงานหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นเสื้อผ้าที่สวมใส่ย่อมเปลี่ยนไปเพื่อเอื้อประโยชน์ในผู้สวมใส่มาก ขึ้น กางเกงจึงเป็นที่นิยม ตั้งแต่ยุคแฟลปเปอร์เป็นต้นมา แฟชั่นของโลกได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล เพราะการติดต่อสื่อสารของโลกตะวันตกและตะวันออกเป็นได้เปิดกว้างมากขึ้น มีการไปมาหาสู่กัน แฟชั่นของโลกตะวันตกจึงเข้ามามีบทบาทกับโลกตะวันออก เช่น คนไทยรณรงค์ให้สวมหมวก หรือ ผู้หญิงไทยเลิกสวมโจงกะเบน เพื่อความเป็นสากล
ลักษณะหรือแบบแผนของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของแต่ละยุคสมัย เรียกว่า สไตล์ (Style) แต่ละคนมีสไตล์การแต่งตัวไม่เหมือนกัน เช่น บางคนชอบแต่งตัวสไตล์ พั้งค์ (Punk) หรือเด็กสาวๆชอบสไตล์เซ็กซี่ ที่ฝรั่งเรียกว่า ราซี่ (Racy or Provocative) ส่วนคำว่า เทรนด์ (Trend) คือ แฟชั่นล่าสุด ที่กำลังเป็นที่นิยม
สไตล์การแต่งตัวสามารถจำแนกได้เป็นประเภทนับไม่ถ้วน ต่อไปนี้เป็นสไตล์เด่นๆ หลักๆ ที่เป็นที่นิยมในอดีตจนปัจจุบัน บางสไตล์ถือว่าล้าสมัยไปแล้วในปัจจุบัน บางสไตล์ถือว่าเป็นคลาสสิค เพราะแต่งเมื่อไร ก็ไม่ถูกมองว่าเชยหรือตกรุ่น อย่างไรก็ตามยังมีบางสไตล์ที่เคยล้าสมัยไปแล้วอาจเวียนกลับมาเทรนด์อีกครั้ง
เราไปดูแฟชั่นที่เหมาะสมกับสไตร์ในเเต่ละฤดูกันดีกว่า

แฟชั่นต้อนรับหน้าฝน สไตล์เกาหลี

  ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เพราะจะเข้าฤดูฝนแล้วอาจทำให้สุขภาพอ่อนแอได้...รักษาสุขภาพด้วยนะคะ    เพื่อเป็นการต้อนรับฤดูฝนที่กำลังจะเข้ามา เว็บไซด์ o2ashop.com ขอแนะนำเทรนด์การใส่เสื้อผ้าในช่วงนี้กันนะคะ  พอฝนตกจะรู้สึกเหนียวตัวฉะนั้นเสื้อผ้าที่ใส่ เราขอเน้นที่ใส่แล้วสบายๆ ไม่อึดอัดหรือร้อนจนไม่สบายตัว  เช่น
เสื้อ กล้าม : ใส่สบาย ได้ทุกโอกาส เพียงแค่มิกซ์แอนด์แมทก็เก๋ได้


เสื้อกล้ามแฟชั่น พื้นสีขาว ลายดาวประดับตัวเสื้อ น่ารัก เหมาะสำหรับสาวเท่ห์
เสื้อกล้ามตัวยาว คอกลม ทรงเอ สีเขียว ลายหัวใจตรงกลาง
เสื้อกล้ามสีขาว แต่งจีบเล็กๆ ช่วงรอบอก สายเป็นลูกไม้ น่ารัก เหมาะสำหรับสาวเปรี้ยว
แฟชั่นต้อนรับหน้าหนาว สไตล์เกาหลี
แฟชั่นต้อนรับหน้าร้อน สไตล์เกาหลี
 
แฟชั่นต้อนรับหน้าฝน สไตล์เกาหลี
 
 หวังว่าคงจะถูกใจกันนะค่ะ แต่ว่าการที่เราจะเลือกใส่เสื้อผ้ากันนั้น  ควรจะดูด้วยน่ะค่ะว่าเหมาะสมกับตัวเองรึเปล่าอย่าลืมกันน่ะค่ะ  เพื่อนๆๆๆ
วิธีการดูแลเสื้อผ้า
1. ใยธรรมชาติ
 ฝ้าย (Cotton) เป็นใยเซลลูโลสได้จากดอกของฝ้าย ผ้าที่ผลิตจากฝ้ายพันธุ์ดีเส้นใยยาว ผิวของผ้าจะเรียบเนียน และทนทาน คุณภาพของผ้าฝ้ายขึ้นอยู่กับพันธุ์ ความยาวและความเรียบของเส้นใย ใยฝ้ายเองไม่ใคร่แข็งแรงนัก แต่เมื่อนำมาทอเป็นผ้า จะได้ผ้าที่แข็งแรง ยิ่งทอเนื้อหนา-แน่นจะยิ่งแข็งแรง ทนทาน ดูดความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับทำผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าฝ้ายเนื้อบางถึงเนื้อหนาปานกลาง ใช้เป็นชุดสวมในฤดูร้อนจะรู้สึกเย็นสบาย คุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก แต่ปัจจุบันมีการตกแต่ง (Finish) ทำให้ผ้าไม่ใคร่ยับและรีดให้เรียบได้ง่ายขึ้น
ซักได้ด้วยผงซักฟอก ซักรีดได้ที่อุณหภูมิสูง
แมลงไม่กินแต่จะขึ้นรา
ติดไฟ ไม่มียาง ไหม้เหมือนกระดาษ เถ้ามีสีเทา นุ่ม

 ลินิน (linen) ทำจากต้น flax สามารถนำมาผลิตเป็นผ้าที่มีเนื้อบางมาก ๆ จนถึงผ้าเนื้อหนามาก เป็นเส้นใยธรรมชาติที่แข็งแรงที่สุด ใช้จนผ้าสึกบางจึงขาด ผ้ามีความเงามัน ผิวเรียบแข็ง ดูดซับน้ำได้ดีคุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก ควรตกแต่งกันยับ
ซักด้วยผงซักฟอก รีดขณะชื้นที่อุณหภูมิสูง
ถ้าเก็บผ้าลินินไว้นาน ๆ ต้องม้วนใส่แกนเก็บไว้ เพราะถ้าพับรอยพับจะหัก
ลักษณะการติดไฟเหมือน ฝ้าย

 ไหม (silk) เป็นเส้นใยโปรทีน ได้จากรัง (Cocoon) ของ ไหม ผ้ามีความมันนุ่มเป็นเงา ไม่ใคร่ยับ คงรูปร่างได้ดีเหมาะสำหรับตัดชุด ดูดความชื้นได้ดี มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิได้ดี จะรู้สึกเย็นสบายในหน้าร้อน และจะอบอุ่นในหน้าหนาว การซักผ้าไหม ถ้าจะให้คงความเงามัน คงรูปร่างควรซักแห้ง ไหมบางชนิดซักได้ด้วยมือในน้ำสบู่อย่างอ่อน (ผงซักฟอกจะทำลายความเงามันของไหม)ใช้ผ้าหมาด ๆ ปิดทับขณะรีด เผาไฟจะหดหนีไฟ พองตัว ติดไฟได้ เถ้านุ่ม




ขน สัตว์ (wool)
ผลิตจากขนสัตว์หลายชนิด เช่น แกะ แพะ อูฐ และกระต่าย แต่ที่ผลิตมากที่สุดได้แก่ขนแกะ ขนสัตว์จะให้ความอบอุ่นเพราะไม่นำความร้อน ดูดความชื้นได้ดีจึงสามารถถ่ายเทความชื้นจากร่างกาย หรือบรรยากาศทำให้ไม่เหนะหนะเวลาสวมใส่ เมื่อถูกความร้อนและชื้น ผ้าขนสัตว์จะเชื่อมติดกันเป็นแผ่น หดทุกครั้งเมื่อเปียก (Progressive Shrinkage) จึงไม่แนะนำให้ซักรีดเอง ควรส่งร้านที่มีความชำนาญในการซักรีดผ้าขนสัตว์ เว้นเสียจากจะมีป้ายที่ติดมากับเสื้อบอกไว้ว่า ซักรีดได้ (Washable) ผ้าขนสัตว์บางชนิดจะตกแต่งกันหด (Shrinkage Control) และป้องกันไม่ให้เชื่อมติดกันเมื่อซักรีด วิธีการดูแลรักษาอย่างง่าย คือใช้แปรงนุ่ม ๆ แปรงฝุ่นออกทุกครั้งหลังการใช้ ถ้าถูกน้ำให้สบัดออกอย่าแปรงขณะผ้าเปียก แขวนในที่มีอากาศโปร่ง อย่าใช้เสื้อผ้าชุดเดียวติดต่อกันหลายวัน เพราะเมื่อขนสัตว์ถูกแรงถูไถไปมานาน ๆ จะแข็งเป็นมัน บางชนิดขนจะหลุดถ้าจะเก็บผ้าขนสัตว์ไว้ ควรซักแห้ง เก็บในถุงพลาสติคผนึกให้สนิท มอด (Moth) ชอบกินขน สัตว์มากผ้าทอขนสัตว์จะผลิตจากด้าย 2 ประเภท ทำให้คุณสมบัติและราคาต่างกันมากผ้าที่ผลิตจากด้าย woolen เรียก woolen fabric ทำจากเส้นใยที่ผ่าน การสางครั้งเดียว เส้นใยมีความสั้น ยาว ปนกัน ผ้าค่อนข้างหยาบ บริเวณที่ถูกน้ำหนักกดทับเช่น ศอก เข้า ก้นมักจะเป็นโป่งเป็นถุงและเรียบเป็นมันผ้าที่ผลิตจากด้าย Worsted เรียก Worsted Fabric ทำจากเส้นใยที่ ผ่านการสางสองครั้ง เส้นใยเล็ก ยาว ละเอียด ด้ายเข้าเกลียวแน่น ผ้าเนื้อเบา ละเอียดราคาแพง กว่า Woolen มาก
นอกจากชนิดของเส้นด้ายแล้ว ยังมีการระบุชนิดของขนสัตว์ดังนี้
Virgin Wool หมายถึง ผ้าหรือผลิตภัณฑ์ขนสัตว์ซึ่งผลิตจากขนสัตว์ใหม่ที่ยังไม่เคยนำไปผลิตอะไรมา ก่อน
Re-processed Wool หมายถึงขนสัตว์ที่ได้จาก เศษเส้นใยเส้นด้ายหรือผ้าที่ยังไม่ผ่านการใช้นำมาตะกุยทำใหม่
Re-used Wool หมายถึง ขนสัตว์ที่ได้จากการนำเส้นใย เส้นด้ายหรือผ้าที่ผ่านการใช้มาแล้ว นำมาผลิตใหม่การเผาไฟ มีลักษณะเหมือนไหม



2. ใยสังเคราะห์จากสารเคมี
ใยสังเคราะห์จากสาร เคมีทุกชนิด จะมีคุณสมบัติเป็น thermoplastic fiber คือ เมื่อถูกความร้อนสูงจะละลาย จึงต้องซักรีดด้วยอุณหภูมิต่ำ ไม่ดูดความชื้น ใส่แล้วเหนอะตัว นอกจากจะตกแต่งให้ดูดความชื้น หรือถัก ทอโปร่งให้อากาศถ่ายเทเข้าออกได้ เช่น เสื้อ T-shirt ซีกรีดง่าย แห้งเร็ว ไม่ยับหรือไม่ใคร่ยับ
 ไนลอน (Nylon) Dr. W. H. Carothers แห่งบริษัท Du Pont อเมริกา ค้นพบเมื่อ 1930 ครั้งแรกได้เป็นเส้น ๆ นำมาทำแปรงสีฟัน ในปี ค.ศ. 1940 ผลิตเป็นถุงน่อง สตรี หลังจากนั้นได้พัฒนาเป็นเสื้อผ้าและของใช้มากมายหลายชนิดเส้นใยมีความเหนียว แข็งแรงทนทานมาก ยืดหยุ่นง่าย เมื่อถูกไฟจะละลาย ไม่ใคร่ไหม้ ออกจากไฟจะดับ เถ้าเป็นก้อนแข็งบีบไม่แตก

 โพลิเอสเตอร์ (Polyester) เส้นใยยาว มีลักษณะนุ่ม เงามัน เส้นใยสั้นมีลักษณะคล้ายฝ้าย และขนสัตว์ จึงเป็นเส้นใยที่ใช้เลียนแบบ และผสมกับเส้นใยอื่นได้ดี ใช้มากในวงการอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ดูดความชื้นได้น้อย น้ำหนักเบา ไม่ใคร่ยับ รีดจับจีบถาวรได้ มักผลิตเป็นผ้าประเภท Wash and Wear คือ รีดเพียงเล็กน้อย หรือไม่จำเป็นต้องรีด ปัญหาที่พบคือ ถ้าผลิตจากใยสั้นใช้ไปแล้วจะเป็นขุย เมื่อเผาจะละลายเป็นยางสีดำ ถ้าเผาจนสิ้นสุดเถ้าบางส่วนจะกรอบ

 อไค รลิคและโมดาไครลิค (Acrylic & Modacrylic) มี คุณสมบัติคล้ายกัน แต่โมดาไครลิคไม่ติดไฟ ปัจจุบันได้เติมสารป้องกันการติดไฟในขบวนการผลิตอไครลิคลักษณะคล้ายขนสัตว์ ใช้ทำขนสัตว์เทียม ผลิตผ้าที่มีขน ย้อมสีสวยงามและหรูหรา ดูแลรักษาง่าย ไม่เชื่อมติดกัน ไม่หด แห้งง่าย ทนต่อการซักฟอก นิยมใช้ทำเสื้อเวตเตอร์ ผ้าห่ม ถุงเท้า เสื้อผ้าขนหนา ๆ ฟูฟุ พรมปูพื้น ผสมกับเส้นใยขนสัตว์ทำให้น้ำหนักเบาดูแลรักษาง่ายขึ้น อะไครลิคเมื่อเผาไฟ จะละลายไหม้เป็นยาง
สแปนเด็กซ์ (Spandex) เป็น ใยยางสังเคราะห์ที่รู้จักกันในนาม Lycraดึงยืดได้ 6-7 เท่าของความยาวเดิม ต้านทานแรงดึงได้สูง ใช้ทำเครื่องรัดทรงสตรี ยางยืดและกิจการแพทย์

 
3. ใยสังเคราะห์จากวัตถุธรรมชาต
ทั้งเรยอน และอซิเตท เป็นใยเซลลูโลสประดิษฐ์จากเศษใยฝ้าย และหรือเศษเนื้อไม้
เรยอน (Rayon) ต้นทุนการผลิตค่อน ข้างถูกสามารถผลิตเส้นใยที่ใช้เลียนแบบเส้นใยอื่นได้ดี เมื่อผสมกับเส้นใยอื่นทำให้ผ้าถูกลง นุ่ม สวยงาม เรยอนมีคุณสมบัติคล้ายใยธรรมชาติ เป็นผ้าที่ยับง่าย คลายยับยาก รีดเรียบทิ้งไว้จะลู่ลงมา เส้นใยมีความเงามันคล้ายไหม ดูดซับน้ำได้ดี เปื่อยง่าย ติดไฟได้รวดเร็ว ลักษณะการไหม้จะคล้ายฝ้าย แต่ไหม้ได้เร็วกว่า


 อซิเตท (Acetate) ผ้าเนื้อนุ่ม เป็นเงามัน ส่วนใหญ่ใช้ทำผ้าแพรต่วน มักผสมกับอซิเตทเข้ากับเส้นใยอื่น เพื่อลดต้นทุนหรือเพิ่มคุณสมบัติของเส้นใย เช่น
ผสมกับขนสัตว์ ทำให้ผ้าคงรูปดี เหนียว ราคาถูกลง
ผสมกับเรยอน ทำให้ยับน้อยลง เหนียว คงทนขึ้น ผ้ารักษารูปทรงได้ดีขึ้น รีดให้เรียบได้ง่ายขึ้น
อซิ เตท มีคุณสมบัติคล้ายใยสังเคราะห์จากสารเคมี ไม่ใคร่ยับ ไม่หด ไม่ใคร่ดูดความชื้น ใส่แล้วเหนอะหนะ แต่จะดูดซึมของเหลวได้ดี รีดให้เรียบได้ง่ายแต่ต้องใช้อุณหภูมิต่ำเพราะไม่ทนความร้อน ถูกความร้อนสูงจะละลาย ละลายใน Acetone และยาล้าง เล็บ


จดจำไว้ด้วยนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น