วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

หนังที่น่าสนใจในความทรงจำ

1/.หนังเรื่อง  วนิดา  ปี2553

เรื่องย่อ นักแสดง วนิดา 


พันตรี ประจักษ์ มหศักดิ์ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) ถูกเชื้อเชิญจากเสด็จในวังให้ลงแข่งกีฬาขี่ม้าโปโล เพื่อให้ราชนิกูลชั้นสูง ได้มาแข่งขันประลองกำลัง ฝีมือในการขี่ม้าโปโลของประจักษ์เป็นที่โจษจันไปทั่วว่าเก่งฉกาจ เพราะเขาเป็นถึงหัวหน้าทหารม้ารักษาพระองค์ พิสมัย (รินลณี ศรีเพ็ญ) ว่าที่คู่หมั้นของประจักษ์ และเป็นคุณข้าหลวงของเสด็จ ภูมิใจในตัวประจักษ์ยิ่งนัก ซ้ำยังชอบโอ้อวดว่าเธอกับประจักษ์จะแต่งงานกันในเร็ววันนี้

อีกด้านหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั้น วนิดา วงศ์วิบูลย์ (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) กำลังหัดขับรถเป็นครั้งแรก เธอชวนเพื่อนซี้อย่าง สุมาลี(สิรีอัญ สิริไพศาลเอก) และ กัลยา(ธนีญา กิติธรรมนุภาพ) มา เป็นเพื่อนนั่งรถ สองสาวกลัวสุดขีดกรี๊ดกร๊าดไปตลอดทาง ทำเอาวนิดาสะดุ้งเป็นระยะๆ พาจะเฉี่ยว ชน หลายรอบ ทันใดนั้นมีรถสวนออกมา วนิดาไม่เห็นเลยชนเข้าให้อย่างจัง และเจ้าของรถที่วนิดาชนก็คือ ประจักษ์ มหศักดิ์
วนิดาหน้าเสียแต่ไม่ยอมรับผิด ทำให้ประจักษ์ไม่พอใจ และไม่ถูกชะตาวนิดาอย่างแรง !! (เพราะ เข้าใจว่าผู้หญิงอย่างวนิดา เอะอะก็คงใช้เงินในการแก้ปัญหา) วนิดาหวังว่าจะไม่เจอผู้ชายคนนี้อีก แต่ผิดคาด วนิดากับประจักษ์มาพบกันอีกทีในสนามม้า วนิดากำลังขี่ม้าข้ามสิ่งกีดขวาง ดูสง่างาม มนตรี (พิษณุ นิ่มสกุล) เพื่อนสนิทกับประจักษ์ถึงกับอึ้งกิมกี่ เกิดความประทับใจ แต่ประจักษ์กลับไม่ชอบในความกล้าหาญ และ ก๋ากั่นของเธอ
วนิดาเป็นสาววัยแรกรุ่นเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ ความสวยของเธอเป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ แต่ไม่มีหนุ่มไหนที่สามารถเอาชนะใจเธอกับ นายดาว วงศ์วิบูลย์ (มนตรี เจนอักษร) พ่อของเธอไปได้ หนุ่มแต่ล่ะคนที่เข้ามาไม่ได้รักที่ตัววนิดา หากแต่รักที่เงิน ทำให้นายดาวกีดกันทุกวิถีทาง และกลัวเหลือเกินว่าลูกสาวจะเลือกคู่ผิด นายดาวจึงตัดสินใจที่จะหาสามีให้วนิดา และเมื่อเปิดค้นรายชื่อบรรดาลูกหนี้มากมายของเค้า เค้าก็สะดุดตากับคนๆ หนึ่งเข้า เค้าก็คือ ประจวบ มหศักดิ์ (สรวิชญ์ สุบุญ) น้องชายของประจักษ์นั่นเอง
นายดาว วงศ์วิบูลย์เรียกประจวบมาหาที่บ้าน พร้อมยื่นข้อเสนอว่าจะยกหนี้ทั้งหมดให้ ถ้าประจวบยอมแต่งงานกับวนิดา ดาวต้องการให้วนิดาได้เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้รากมากดีตระกูลดังอย่าง “มหศักดิ์” ประจวบไม่ยอม นายดาวขู่ว่าถ้าประจวบไม่ตกลงแต่งงานกับลูกสาวของตน ก็จะฟ้องศาล เล่นงานให้ชื่อเสียงของมหศักดิ์ย่อยยับป่นปี้ทันทีที่เรื่องนี้รู้ถึงหูของ คุณนายน้อม มหศักดิ์ (ดวงตา ตุงคะมณี) ลมก็แทบจับ เพราะเธอเกลียดตระกูลนี้หยั่งกับอะไรดี เรื่องเกิดมาตั้งแต่สมัยที่ มณฑา (เดือนเต็ม สาลิตุล)ย่าของวนิดา ผู้เป็นภรรยาสุดที่รักของพระยามหศักดิ์ธำรง (สุเชาว์ พงษ์วิไล) มณฑาเป็นกุลสตรีไทยที่เพียบพร้อม เป็นที่รักใคร่ของพระยามหศักดิ์ธำรงและคนอื่นๆ คุณนายน้อมอิจฉา จึงสร้างเรื่องโกหกว่ามณฑามีชู้ ทำให้พระยามหศักดิ์ธำรงค์โกรธ จึงขับไล่มณฑาออกจากบ้านมหศักดิ์ตัดขาดจากกัน มณฑาต้องไปอาศัยอยู่กับน้องชายซึ่งก็คือนายดาว
คุณนายน้อมยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่ขอร่วมวงพงศ์ไพรกับตระกูลวงศ์วิบูลย์ เด็ด ขาด และขอให้ประจักษ์ช่วย แต่น้องสร้างหนี้ไว้มากมาย จนประจักษ์ไม่อาจช่วยเหลือได้ ประจวบไม่อยากแต่งงาน เพราะมีคนรักอยู่แล้วคือ ปราณี (พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์) ประจวบ ตัดสินใจลาออกจากราชการ และ หนีลงใต้เพื่อไปหาเงินมาใช้หนี้ แต่นายดาวไม่ยอม ในเมื่อน้องชายหายตัวไป ก็ต้องให้พี่ชายอย่างประจักษ์แต่งงานกับวนิดาแทน ประจักษ์ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่คุณนายน้อมเองที่กลัวชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย จึงเกลี้ยกล่อมให้ลูกชายยอมแต่งงาน เพื่อแก้ปัญหาไปก่อน ระหว่างที่รอประจวบหาเงินมาใช้หนี้ ประจักษ์จึงต้องเสียสละตัวเองเพื่อรักษาภาพพจน์ของตระกูลโดยการแต่งงานกับ วนิดา
ด้านวนิดา...ทันทีที่รู้ข่าวจากนายดาวผู้เป็นพ่อก็เกิดอาการไม่พอใจ นายดาวพยายามเกลี้ยกล่อมและบอกว่าประจักษ์ชอบพอในตัววนิดาจึงให้ผู้ใหญ่มา สู่ขอ นายดาวบรรยายสรรพคุณของประจักษ์เสียจนดีเลิศ วนิดาโดนหว่านล้อมจนต้องตอบตกลงที่จะแต่งงานกับประจักษ์ ประจักษ์บอกข่าวนี้ให้กับพิสมัยว่าที่คู่หมั้นให้รับรู้ ทันทีที่พิสมัยรู้ก็ถึงกับหัวฟาดหัวเหวี่ยงไม่พอใจ และรู้สึกเสียหน้า เพราะใครๆ ก็รู้ว่าว่าที่ภรรยาของประจักษ์ในอนาคตคือเธอ ประจักษ์พยายามพูดโน้มน้าว ปลอบโยน และให้คำมั่นสัญญาว่าถ้าประจวบหาเงินมาใช้หนี้นายดาวหมดเมื่อไหร่ จะหย่ากับวนิดาทันที
ประจักษ์มาพบกับนายดาวอีกครั้งเพื่อตกลงกันก่อนที่พิธีแต่งงานจะถูกจัด ขึ้น สิ่งที่นายดาวต้องการจากประจักษ์ก็คือ.....(1) ประจักษ์ต้อง ยินยอมให้วนิดาใช้นามสกุลมหศักดิ์ (2) ถ้ามีการหย่าร้างเกิดขึ้นระหว่างที่ประจวบยังใช้หนี้ไม่ครบ นายดาวมีสิทธิ์ฟ้องร้องต่อศาลได้ทันที ประจักษ์ตกลง ก่อนจะที่บอกความต้องการของตัวเองกลับไปเช่นกัน (1) เมื่อประจวบหาเงินมาใช้หนี้นายดาวจนครบ เค้าจะหย่าขาดกับเธอทันที (2) เค้าจะไม่ล่วงเกินวนิดา เค้ากับวนิดาจะแยกห้องนอนกัน (3) ไม่มีการจัดงานแต่งงานใหญ่โต ประกาศให้คนรู้ จะเลี้ยงกันแค่คนในครอบครัวเท่านั้น นายดาวตอบตกลงเช่นกัน ก่อนจะให้ประจักษ์ลงนามในสัญญาเอาไว้เป็นหลักฐาน
ในที่สุดวันแต่งงานก็มาถึง งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย วนิดาแต่งกายด้วยชุดไทยเดินลงมา ทันทีที่ทั้งสองคนเจอหน้ากันก็แทบช็อค เพราะจำกันได้ว่าเคยเจอกันมาก่อน วนิดาเหวี่ยงใส่นายดาวทันทีจะยกเลิกงานแต่งงาน นายดาวจึงขอร้องให้ประจักษ์ไปปรับความเข้าใจกับวนิดาและขอโทษเรื่องที่ผ่าน มา ประจักษ์จะไม่ยอม แต่พอโดนขู่เรื่องสัญญาก็ต้องจำยอม วนิดายอมเข้าพิธีแต่งงานต่อ พิธีเสร็จประจักษ์จะพาวนิดากลับบ้านมหศักดิ์ ประจักษ์พอแต่งงานเสร็จ ก็หนีหน้าวนิดา ออกไปทำงานตลอด ทำให้วนิดาโมโหมาก เพราะไม่รู้เหตุผลของการแต่งงานครั้งนี้ หลังจากวันนั้น วนิดากับประจักษ์ ก็เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมา ต่างไม่มีใครยอมใคร คุณนายน้อมกับพิสมัยกลับมาบ้านมหศักดิ์ ก็หาเรื่องกลั่นแกล้งวนิดา แต่เธอก็ ไม่ยอมใครเหมือนกัน ทำให้คนกลางอย่างประจักษ์ต้องคอยห้ามทัพตลอด สุด ท้ายประจักษ์ตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านพักทหารกับวนิดา วนิดาไม่ได้รู้สึกเหงาอะไร สนุกกับการทำบ้าน ทำสวน ปลูกผักผลไม้ ประจักษ์ เริ่มเห็นความดีของวนิดาหลายๆอย่าง วนิดาได้ไปรู้จักกับสองพี่น้องที่ปลูกบ้านอยู่ในสวนหลังบ้านมหศักดิ์ คือ อำพัน (ศิระ แพทย์รัตน์) กับ อำไพ (พริมรตา เดชอุดม) แม่ ของสองพี่น้องเคยเป็นคนรับใช้ของมณฑามาก่อน ทำให้ทั้งสองคนเข้ากับวนิดาได้ง่าย อำพันกับอำไพ รู้จักประวัติของบ้านมหศักดิ์เป็นอย่างดี และรู้ด้วยว่ามณฑาถูกกล่าวหาว่ามีชู้ วนิดาให้อำไพเล่าเรื่องสมัยที่ย่าเธออยู่ที่นี่ให้ฟัง ระหว่างที่ประจักษ์ไปทำงาน วนิดามักมาอยู่กับอำพัน อำไพที่บ้านสวน น้อมเห็นเข้าก็รีบใส่ไฟให้ประจักษ์ฟัง สร้างเรื่องว่าวนิดามีชู้ สนิทสนมกับอำพันจนเกินงาม ประจักษ์ไม่เชื่อ แต่ก็หึงที่วนิดาไปสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น ประจักษ์แสดงความเป็นเจ้าของวนิดามากขึ้น และเริ่มชวนวนิดาออกไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ตามประสาสามี ภรรยา ทำให้วนิดาแปลกใจ แต่ป้าทอง จวง ไปล่ชอบใจ เพราะอยากให้วนิดากับประจักษ์รักชอบพอกันจริงๆ
อำพันต้องไปสัมมนาที่ชะอำ จึงชวนอำไพกับวนิดาไปด้วย วนิดาอยากไปอยู่แล้วเลยจะไปบอกประจักษ์ แต่กลับเห็นประจักษ์อยู่กับพิสมัยท่าทางเหมือนสวีทกันอยู่ วนิดาไม่พอใจ เลยเขียนจดหมายเสียบไว้ที่ประตู ก่อนจะ ออกไปกับอำไพแต่เช้า น้อมเห็นจดหมายของวนิดาเข้าเลยแอบขโมยมาเก็บไว้ ทำให้ประจักษ์เข้าใจวนิดาผิด และรีบตามวนิดาไปชะอำ น้อมกับพิสมัยห้ามก็ไม่ฟัง
ประจักษ์มาถึงชะอำ จะลากวนิดากลับบ้าน แต่วนิดาไม่ยอมกลับ ประจักษ์เลยตัดสินใจค้างคืนด้วย ห้องพักมีอยู่แค่ห้องเดียวทำให้ทั้งสองคนต้องนอนห้องเดียวกัน ท่ามกลางความอึดอัดสุดๆ วนิดาแอบหนีไปขี่ม้าคนเดียว ประจักษ์ตามไป วนิดาเร่งหนีประจักษ์ทำให้ตัวเองตกม้า ม้าวิ่งหนี วนิดาหาทางกลับบ้านพักไม่เจอ วนิดาหลงทาง ประจักษ์เป็นห่วงวนิดาสุดๆ เขาไม่สนใจฟ้าฝนที่กำลังจะตกหนัก ขี่ม้าตามหาวนิดาจนต้นไม้หล่นทับเป็นไข้ วนิดาตามจนเจอพากลับมาดูแลรักษา ประจักษ์รู้สึกดีที่วนิดาห่วงใยดูแล ประจักษ์รู้หัวใจของตัวเอง ด้านพิสมัยก็คอยแกล้งและใส่ร้ายวนิดาจนประจักษ์เริ่มเห็นธาตุแท้ของอดีตคน รัก
วนิดากับประจักษ์เริ่มเปิดใจให้กัน จนน้อมทนไม่ไหว เลยวางแผนคิดจะรวบหัวรวบหางลูกชายให้พิสมัยในงานวันเกิดครบรอบ 60 ปีของตัวเอง น้อมรู้นิสัยของประจักษ์ดีว่าถ้าเกิดเรื่องไม่งามขึ้น ก็พร้อมจะรับผิดชอบ
เรื่องราวความรักของ ประจักษ์ กับ วนิดา จะฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาและลงเอยกันได้อย่างไร ติดตามชมได้ในละคร “วนิดา” ทางช่อง 3...

เรื่องย่อ นักแสดง วนิดา
ขอบคุณที่มา วนิดา 



 2/.หนังเรื่อง  ดั่งดวงหฤทัย


800-dungduang111.jpg 


 กาสิก พันธุรัฐ และทานตะ เป็นสามแคว้นที่อยู่ติดกัน กาสิกอยู่ด้านเหนือสุด เป็นแคว้นที่ร่ำรวย และมีทรัพยากรมาก แต่ไม่มีทางออกทะเล พันธุรัฐอยู่กลาง ค่อนข้างอุดมสมบรูณ์ และทานตะอยู่ใต้สุด ซึ่งเป็นแคว้นที่ค่อนข้างอ่อนแอ แต่มีทางออกทะเล กาสิกต้องการทางออกทะเลเพื่อขนส่งสินค้า เพื่อการนี้ รังสิมันต์ เจ้าหลวงแห่งกาสิกจึงตัดสินใจอภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งทานตะ
    รังสิมันต์ กริ้วมากเมื่อทรงทราบข่าวจากกองทหารที่ส่งไปรับเสด็จ เจ้าหญิงมณิสรา พระคู่หมั้นจากแคว้นทานตะ ถวายรายงานว่าเจ้าหญิงหายไปที่รอยต่อชายแดน สามแคว้นคือ กาสิก พันธุรัฐ และ ทานตะ และน่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหญิงหายเข้าไปในพันธุรัฐ แล้วเหตุใดพันธุรัฐถึงไม่ส่งตัวเจ้าหญิงกลับมา นั้นเท่ากับเป็นการหมิ่นพระเกียรติของเจ้าหลวง แห่งกาสิกอย่างยิ่ง เจ้าหลวงจึงตัดสินพระทัยไปสืบข่าวนี้ด้วยพระองค์เอง
    
 แท้จริง แล้ว เจ้าหญิงมณิสราได้ตัดสินใจหลบหนีเองเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับชายที่ไม่ได้ รัก โดยเฉพาะยิ่งเป็นเจ้าหลวงกาสิก ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านความโหดเหี้ยม เจ้าหญิงควบม้าหนีเข้ามาในชายแดนพันธุรัฐ ด้วยความที่ไม่ชำนาญในการขี่ม้ามากนัก เจ้าหญิงจึงตกจากหลังม้าทำให้ขาแพลง และยังเดินไปติดกับดักตาข่ายล่าสัตว์ของนายพรานถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ ขณะที่เจ้าหญิงกำลังสิ้นหวังและอ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากชายคนหนึ่งนั้นคือ เจ้าชายทยุติธร องค์รัชทายาทของแคว้นพันธุรัฐ เจ้าชายทยุติธรพาเจ้าหญิงมณิสราไปรักษาตัวที่ตำหนักป้อมปืน เจ้าหญิงจึงขอร้องเจ้าชายขอลี้ภัยอยู่ในพันธุรัฐ แต่ถ้าเจ้าชายยังยืนยันที่จะส่งตัวกลับ ก็จะขอให้ฆ่าตัวเองเสียดีกว่า ชายชาติทหารอย่างเจ้าชายทยุติธรจึงจำต้องอนุญาตให้เจ้าหญิงประทับอยู่ชั่ว คราว
     เมื่อ เจ้าหญิงทรรศิกา พระขนิษฐาของเจ้าชายทยุติธร ทรงทราบข่าวลับ ๆ ว่าเจ้าชายช่วยเหลือเจ้าหญิงมณิสราไว้ โดยไม่ส่งตัวกลับในกาสิกก็ร้อนใจ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้เกิดสงครามตามมาได้ จึงตัดสินใจจะไปที่ตำหนักป้อมปืนเพื่อทูลเชิญ เจ้าหญิงมณิสราเสด็จมาประทับฝ่ายในเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ แต่ระหว่างทางขบวนเสด็จถูกกลุ่มชายชุดดำซุ่มโจมตี ม้าของเจ้าหญิงเตลิดเข้าไปในป่า พลัดหลงกับองครักษ์ เจ้าหญิงทรรศิกาหนีเข้ามาในป่าเจอกับชายชุดดำ จึงขอร้องให้ช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าเจ้าหญิงกลับถูกวางยาสลบลงในน้ำชา
     เมื่อฟื้นขึ้น เจ้าหญิงทรรศิกาจึงรู้ว่าถูกเจ้าหลวงแห่งกาสิก ผู้สามารถสั่งตัดหัว ตัดมือนักโทษได้ในระหว่างเสวยโดยไม่สะทกสะท้าน จับตัวมา เจ้าหลวงพยายามสอบถามเกี่ยวกับเจ้าหญิงมณิสรา แต่เจ้าหญิงทรรศิกาก็ไม่ทรงยอมตอบคำถามใด ๆ ซ้ำยังเห็นใจเจ้าหญิงมณิสราที่ต้องโดนบังคับแต่งานกับผู้ชายโหดเหี้ยม ป่าเถื่อนเช่นนี้ เจ้าหลวงโกรธมาก จึงตัดสินใจจับเจ้าหญิงทรรศิกาไว้เป็นตัวประกัน
     ในขบวนมีแต่ทหารซึ่งเป็นผู้ชายทั้งนั้น เมื่อจู่ๆ ก็มีเจ้าหญิงอยู่ในขบวน เจ้าหลวงจึงสั่งให้ เบนลี ราชองค์รักษ์คู่ใจไปจ้าง กระวาน สาวชาวป่ามาเป็นนางกำนัลชั่วคราวให้เจ้าหญิงระหว่างทาง เจ้าหญิงทรรศิกาหลอกให้กระวานใส่เสื้อของพระองค์ แล้วพระองค์ก็ใส่เสื้อของกระวาน แอบขโมยม้าหนีออกไปนอกค่าย แต่กลับถูกเจ้าหลวงจับได้ ขี่ม้าไล่ตามมา เจ้าหญิงหนีไปจนถึงน้ำตกตัดสินใจกระโดดน้ำตกหนี ขอตายเสียดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมือของเจ้าหลวงรังสิมันต์ เจ้าหลวงพาตัวเจ้าหญิงขึ้นมาจากน้ำตกได้ แต่ก็ทำให้ต้องพลัดกับขบวน เจ้าหลวงโมโหมากที่เจ้าหญิงทรรศิกาทำท่ารังเกียจพระองค์ขนาดนี้ทั้ง ๆที่ตอนแรกได้ปฏิบัติอย่างดีกับเจ้าหญิง ต่อแต่นี้ไปเจ้าหญิงจะได้รู้จักความป่าเถื่อนของชาวกาสิกจริง ๆ เสียที
     เจ้าหลวง รังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกามาสมทบกับขบวนที่รออยู่ เจ้าหลวงสั่งลงโทษ ตัดมือกระวานที่ปล่อยให้เจ้าหญิงหนีไป เจ้าหญิงเข้ามาช่วยบอกว่ากระวานเป็นคนของพระองค์ ถ้าจะลงโทษกระวานก็ต้องลงโทษพระองค์ด้วย เจ้าหลวงบอกว่าตอนนี้พระองค์ไม่มีสิทธิเพราะอยู่ในฐานะเชลย แต่ตามประเพณีของชาวกาสิก ชีวิตก็แลกด้วยชีวิต ถ้าอยากให้ยกโทษให้กระวานก็ต้องเอาชีวิตมาแลกกัน เจ้าหลวงให้เรียก ราชิด ทหารคู่ใจอีกคนหนึ่ง ยืนมือให้เจ้าหญิงตัดแทนกระวาน แล้วแกล้งโยนดาบวางให้เจ้าหญิงเลือกว่าจะตัดมือใคร เจ้าหญิงอึ้งในความโหดร้ายของเจ้าหลวง จึงตัดสินใจหยิบดาบ เชือดมือตัวเอง แต่เจ้าหลวงจับไว้ทัน
     เจ้าหลวงพาเจ้าหญิงทรรศิกาเดินทางลึกเข้ามาในกาสิ กเรื่อย ๆ โดยใช้เส้นทางที่ธุระกันดาร แต่เจ้าหญิงก็ไม่ย่อท้อ หรือปริปากบ่นไม่ว่าเจ้าหลวงจะแกล้งด้วยวิธีใด ทั้งคู่เริ่มเรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน ในขณะที่เจ้าหลวงเริ่มรู้จักทั้งความอ่อนหวานและเด็ดเดี่ยวของเจ้าหญิงทรรศิ กา เจ้าหญิงทรรศิกาก็เรียนรู้ว่าเจ้าหลวงผู้เอาแต่ใจ ก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่เช่นกันและไม่โหดร้ายอย่างที่เห็น
     สาธิน เสนาบดีมหาดไทยของกาสิก ร้อนใจมากเมื่อไม่สามารถติดต่อเจ้าหลวงได้ มีนา ลูกสาวของสาธิน จึงอาสาไปดักพบเจ้าหลวงที่ตำหนักวสุธรา มีนาเติบโตมาพร้อมกับเจ้าหลวง เบนลี และราชิด เจ้าหลวงเอ็นดูมีนามากเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ฝึกขี่ม้าและยิงธนูให้ มีนาก็สามารถทำได้ดีเท่ากับผู้ชายคนหนึ่ง มีนาแอบหลงรักเจ้าหลวงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเจ้าหลวงประกาศหมั้นกับเจ้าหญิงแห่งทานตะ เธอเจ็บปวดอย่างยิ่งแต่อย่างน้อยหัวใจของเจ้าหลวงก็ยังไม่มีผู้หญิงคน ไหนครอบครองเพราะการแต่งงานครั้งนี้ เจ้าหลวงทำเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองเท่านั้น
     มีนาไปดักพบเจ้าหลวงที่ตำนักวสุธรา จึงรู้ว่าเจ้าหลวง จับเจ้าหญิงทรรศิกามาเป็นเชลย เจ้าหลวงสั่งให้มีนากลับไปบอกสาธินว่าจะประพาสต่อไปตำหนักอิสินธร เรื่องต่างๆ ในเมืองหลวงให้สาธิน เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ส่วนเรื่องเจ้าหญิงมณิสราให้ทางทานตะหาตัวเจ้าหญิงให้พบ ก่อนจึงค่อยพูดเรื่องการอภิเษกอีกที
     เมื่อกาสิกบีบให้ทางทานตะจัดการเรื่องนี้ เจ้าหลวงแห่งทานตะร้อนใจมากจึงส่งทูตเข้าไปยังพันธุรัฐ เจ้าชายทยุติธรให้เจ้าหญิงมณิสราตัดสินใจเองว่าจะกลับทานตะหรือไม่ เจ้าหญิงฝากจดหมายกลับไปว่าจะขออยู่ที่พันธุรัฐ และ จะไม่แต่งงานกับเจ้าหลวงรังสิมันต์เด็ดขาด ขอให้เจ้าหลวงทานตะคิดเสียว่าไม่มีลูกคนนี้ เจ้าหลวงทานตะถึงกับประชวรเมื่อได้รับจดหมายจากเจ้าหญิงมณิสรา เสนาบดีของพันธุรัฐต่างก็เตือนเจ้าชายทยุติธรว่าทำเช่นนี้อาจเกิดสงครามกับ กาสิกได้ ชาวพันธุรัฐก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกาสิก แต่เสนาบดีทูลว่าหน่วยข่าวกรองรายงานว่าที่เจ้าหญิงทรรศิกาหายไปอาจถูกทางกา สิกจับตัวไป เจ้าชายทยุติธรยิ่งโกรธ เพราะทำเช่นนั้นเป็นการหมิ่นเกียรติของพันธุรัฐอย่างยิ่ง จึงสั่งให้คนเข้าไปหาทางช่วยเจ้าหญิงทรรศิกาออกมาให้ได้ก่อน
     พระราชเทวี แห่งพันธุรัฐ เสด็จกลับจากแปรพระราชฐานก่อนกำหนด เจ้าชายทยุติธรพยายามปิดเรื่องที่เจ้าหญิงทรรศิกาหายไป แต่ไม่สามารถปิดเรื่องเจ้าหญิงมณิสราได้ พระราชเทวีจึงสั่งให้เจ้าหญิงมณิสรามาประทับที่ตำหนักฝ่ายใน แทนตำหนักป้อมปืน และสังเกตเห็นว่าเจ้าชายทยุติธรและเจ้าหญิงมณิสรามีกริยาแปลก ๆ ต่อกัน
    เจ้าหลวง รังสิมันต์พาเจ้าหญิงทรรศิกามายังตำหนักอิสินธร และให้เจ้าหญิงปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ พร้อมพระองค์ เจ้าหญิงทรรศิกาเข้าใจว่าทั้งหมดที่เจ้าหลวงทำก็เพราะเห็นเธอเป็นเพียงแค่ ตัวแทนของพระคู่หมั้นเท่านั้น เจ้าหลวงรังสิมันต์ตัดสินใจให้ ราชิด ไปบอกสาธินให้ส่งข้อเสนอใหม่ไปยังพันธุรัฐ นั้นคือพันธุรัฐจะต้องรับผิดชอบในการเสื่อมเสียพระเกียรติของเจ้าหญิงมณิสรา และกาสิกจะรับผิดชอบต่อเจ้าหญิงทรรศิกา แต่สาธิน กลับไม่ยอมส่งสารนี้ และยังลอบวางยา ฆ่าเสนาบดีฝ่ายมหาดไทย โดยใช้มีนาเป็นเครื่องมือ มีนาตกใจมากที่พ่อคิดเป็นใหญ่ครอบครองบัลลังค์กาสิกเสียเอง จึงหนีไปหาเจ้าหลวงรังสิมันต์เพื่อบอกแผนการ แต่เมื่อมาถึงที่อิสินธร ก็พบว่าหัวใจของเจ้าหลวงรังสิมันต์มีเจ้าหญิงทรรศิกา มีนาเสียใจมาก จึงกลับไปเมืองหลวงร่วมมือกับพ่อ ล้มราชบัลลังก์
    

    เจ้าหญิงทรรศิกาแอบได้ยินเรื่องข้อเสนอที่เจ้าหลวงส่ง ไป และพร้อมจะทำสงครามถ้าพันธุรัฐไม่ตกลง เจ้าหญิงน้อยใจมากที่เจ้าหลวงรังสิมันต์จะแต่งงานกับตัวเองนั้นก็เพื่อรักษา เกียรติของตัวเอง ไม่ใช่เพราะความรัก เจ้าหญิงทรรศิกาจึงตัดสินใจให้กระวานแอบติดต่อ ราชิด พาหนี เพราะอย่างน้อย ราชิด ก็มีเลือดชาวพันธุรัฐครึ่งหนึ่ง ราชิดซึ่งไม่อยากให้เกิดสงครามอยู่แล้วจึงรับปากพาเจ้าหญิงทรรศิกาหนี แต่โดนเจ้าหลวงจับได้ เจ้าหลวงโกรธมากจนเกือบฆ่าราชิด แต่เจ้าหญิงทรรศิกาทูลขอไว้ ราชิดจึงได้ลดโทษเหลือแค่ขังคุก เจ้าหลวงรังสิมันต์ ทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่เจ้าหญิงทรรศิกาทำเช่นนี้ เจ้าหญิงทรรศิกาเองคิดว่าตัวเองจะต้องโดนฆ่าแน่ๆ จากการหนีครั้งนี้ เตรียมตัวยอมรับคมดาบแต่โดยดี แต่ในที่สุดเจ้าหลวงก็หลุดปากสารภาพรักเจ้าหญิงทรรศิกาออกมา ทั้งสองคนเข้าใจกัน เจ้าหลวงตกลงใจจะส่งเจ้าหญิงทรรศิกากลับพันธุรัฐ และมอบมงกุฏแห่งกาสิกให้กับเจ้าหญิงทรรศิกา เพื่อให้เสด็จกลับพันธุรัฐได้อย่างสมพระเกียรติ แต่ระหว่างทางนั้นเอง สาธินก็ส่งคนปลอมเป็นทหารของพันธุรัฐเข้ามาลอบปลงพระชนม์
    เจ้าหลวง รังสิมันต์ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส เจ้าหญิงทรรศิกาตัดสินใจพาเจ้าหลวงเข้าไปผ่าตัดที่ตำหนักป้อมปืนของแคว้น พันธุรัฐ จึงทราบความจริงว่า เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือของเจ้าชายทยุติธร แต่เป็นสาธิน คนของเจ้าหลวงเองที่หักหลัง เจ้าหลวง โกรธมาก ในขณะที่เจ้าหลวงรังสิมันต์พักรักษาตัวอยู่ที่ตำหนักป้อมปืน พระราชเทวี มีรับสั่งให้เจ้าหญิงมณิสราไปคอยดูแลเจ้าหลวงรังสิมันต์ในฐานะที่เป็นพระคู่ หมั้น เจ้าหญิงทรรศิกาจึงหลบหน้าไม่ยอมไปเยี่ยมเจ้าหลวงอีก ในขณะที่ เจ้าชายทยุติธรก็มักจะหงุดหงิดเมื่อเห็นเจ้าหญิงมณิสราคอยดูแลเจ้าหลวง ในที่สุด เจ้าหลวงรังสิมันต์ก็ตัดสินใจบุกเข้าไปหาพระราชเทวี ทูลเรื่องความรู้สึกที่มีต่อเจ้าหญิงทรรศิกาและเรื่องราวทั้งหมด ขออภิเษกกับเจ้าหญิงทรรศิกา พระราชเทวีถามถึงเรื่องเจ้าหญิงมณิสรา เจ้าหลวงบอกว่าที่หมั้นกับเจ้าหญิงมณิสราก็เพราะเพื่อผลประโยชน์ที่ต้องการ ขนส่งสินค้าไปยังทางออกทะเลของทานตะ แต่ตอนนี้ตนรู้แล้วว่าตนไม่สามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ และเจ้าหญิงมณิสราก็ขอถอนหมั้นกับตัวเองแล้ว
      เจ้าหลวงรังสิมันต์ขอให้เจ้าหญิงทรรศิการอ และจะกลับมาหาเมื่อกู้ราชบัลลังก์คืนได้ เจ้าหลวงรังสิมันต์พร้อมด้วยเบนลี ลอบกลับไปที่กาสิกอีกครั้งช่วยราชิดออกมา ร่วมมือกันปราบกบฎ สาธินถูกจับ มีนาขอร้องไม่ให้เจ้าหลวงฆ่าพ่อ เจ้าหลวงก็ยอมเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ แต่สาธินกลับคว้าดาบเข้าแทงเจ้าหลวง มีนาจึงกระโดดขวางเข้ารับดาบแทนสิ้นใจตาย สาธินเสียใจมากที่พลั้งมือฆ่าลูกสาวตัวเอง จึงฆ่าตัวตายตาม เจ้าหลวงรังสิมันต์เสด็จกลับไปรับเจ้าหญิงทรรศิกามานั่งบัลลังค์ด้วยกันตาม สัญญา เจ้าชายทยุติธรได้ราชาภิเษกขึ้นเป็นเจ้าหลวง เสด็จเยี่ยมทานตะอย่างเป็นทางการ และกำลังจะประกาศหมั้นกับเจ้าหญิงมณิสรา ทั้งสามแคว้นจึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมานับแต่นั้น
   
 














3/.หนังเรื่อง   ด้วยแรงอธิฐาน

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

แฟชั่นตามใจ

แฟชั่น เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษว่า fashion ราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคำนี้ว่า "สมัยนิยมหรือวิธีการที่นิยมกันทั่วไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง" เป็นการยอมรับจนเกิดเป็นค่านิยม มีกระบวนการเกิดภาษาใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากคำว่า “วิวัฒนาการ” ที่ทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วินระบุไว้ ว่าวิวัฒนาการ คือ การเปลี่ยนแปลงที่ต้องใช้เวลายาวนานและสามารถถ่ายทอดสิ่งนั้นไปสู่ลูกหลาน ได้ โดยมากแล้วคำว่าแฟชั่น มักมีความหมายเกี่ยวกับการแต่งตัว

ประวัติ

เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่มุนษย์ต้องการในการดำรงชีวิตเพื่อปกปิดร่างกายและให้ความอบอุ่น ความเจริญของมนุษย์ทำให้เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เสื้อผ้ายังบ่งบอกถึงลักษณะของผู้สวมใส่ได้ด้วย เช่น ฐานะ, เชื้อชาติ, ฯลฯ
Vogue fashion plate day dresses June 1919.jpg
การพัฒนาของแฟชั่นในแต่ละยุคสมัยแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น การเมือง, เศรษฐกิจ, ภูมิอากาศ, ฯลฯ ในศตวรรษที่ 20 แฟชั่นโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะปี ค.ศ. 1920 - 1930 หรือเรียกว่ายุค แฟลปเปอร์ (Flapper) ผู้หญิงสวมกระโปรงสั้นเป็นครั้งแรก และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้หญิงต้องออกจากบ้านเพื่อทำงานหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นเสื้อผ้าที่สวมใส่ย่อมเปลี่ยนไปเพื่อเอื้อประโยชน์ในผู้สวมใส่มาก ขึ้น กางเกงจึงเป็นที่นิยม ตั้งแต่ยุคแฟลปเปอร์เป็นต้นมา แฟชั่นของโลกได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล เพราะการติดต่อสื่อสารของโลกตะวันตกและตะวันออกเป็นได้เปิดกว้างมากขึ้น มีการไปมาหาสู่กัน แฟชั่นของโลกตะวันตกจึงเข้ามามีบทบาทกับโลกตะวันออก เช่น คนไทยรณรงค์ให้สวมหมวก หรือ ผู้หญิงไทยเลิกสวมโจงกะเบน เพื่อความเป็นสากล
ลักษณะหรือแบบแผนของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของแต่ละยุคสมัย เรียกว่า สไตล์ (Style) แต่ละคนมีสไตล์การแต่งตัวไม่เหมือนกัน เช่น บางคนชอบแต่งตัวสไตล์ พั้งค์ (Punk) หรือเด็กสาวๆชอบสไตล์เซ็กซี่ ที่ฝรั่งเรียกว่า ราซี่ (Racy or Provocative) ส่วนคำว่า เทรนด์ (Trend) คือ แฟชั่นล่าสุด ที่กำลังเป็นที่นิยม
สไตล์การแต่งตัวสามารถจำแนกได้เป็นประเภทนับไม่ถ้วน ต่อไปนี้เป็นสไตล์เด่นๆ หลักๆ ที่เป็นที่นิยมในอดีตจนปัจจุบัน บางสไตล์ถือว่าล้าสมัยไปแล้วในปัจจุบัน บางสไตล์ถือว่าเป็นคลาสสิค เพราะแต่งเมื่อไร ก็ไม่ถูกมองว่าเชยหรือตกรุ่น อย่างไรก็ตามยังมีบางสไตล์ที่เคยล้าสมัยไปแล้วอาจเวียนกลับมาเทรนด์อีกครั้ง
เราไปดูแฟชั่นที่เหมาะสมกับสไตร์ในเเต่ละฤดูกันดีกว่า

แฟชั่นต้อนรับหน้าฝน สไตล์เกาหลี

  ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เพราะจะเข้าฤดูฝนแล้วอาจทำให้สุขภาพอ่อนแอได้...รักษาสุขภาพด้วยนะคะ    เพื่อเป็นการต้อนรับฤดูฝนที่กำลังจะเข้ามา เว็บไซด์ o2ashop.com ขอแนะนำเทรนด์การใส่เสื้อผ้าในช่วงนี้กันนะคะ  พอฝนตกจะรู้สึกเหนียวตัวฉะนั้นเสื้อผ้าที่ใส่ เราขอเน้นที่ใส่แล้วสบายๆ ไม่อึดอัดหรือร้อนจนไม่สบายตัว  เช่น
เสื้อ กล้าม : ใส่สบาย ได้ทุกโอกาส เพียงแค่มิกซ์แอนด์แมทก็เก๋ได้


เสื้อกล้ามแฟชั่น พื้นสีขาว ลายดาวประดับตัวเสื้อ น่ารัก เหมาะสำหรับสาวเท่ห์
เสื้อกล้ามตัวยาว คอกลม ทรงเอ สีเขียว ลายหัวใจตรงกลาง
เสื้อกล้ามสีขาว แต่งจีบเล็กๆ ช่วงรอบอก สายเป็นลูกไม้ น่ารัก เหมาะสำหรับสาวเปรี้ยว
แฟชั่นต้อนรับหน้าหนาว สไตล์เกาหลี
แฟชั่นต้อนรับหน้าร้อน สไตล์เกาหลี
 
แฟชั่นต้อนรับหน้าฝน สไตล์เกาหลี
 
 หวังว่าคงจะถูกใจกันนะค่ะ แต่ว่าการที่เราจะเลือกใส่เสื้อผ้ากันนั้น  ควรจะดูด้วยน่ะค่ะว่าเหมาะสมกับตัวเองรึเปล่าอย่าลืมกันน่ะค่ะ  เพื่อนๆๆๆ
วิธีการดูแลเสื้อผ้า
1. ใยธรรมชาติ
 ฝ้าย (Cotton) เป็นใยเซลลูโลสได้จากดอกของฝ้าย ผ้าที่ผลิตจากฝ้ายพันธุ์ดีเส้นใยยาว ผิวของผ้าจะเรียบเนียน และทนทาน คุณภาพของผ้าฝ้ายขึ้นอยู่กับพันธุ์ ความยาวและความเรียบของเส้นใย ใยฝ้ายเองไม่ใคร่แข็งแรงนัก แต่เมื่อนำมาทอเป็นผ้า จะได้ผ้าที่แข็งแรง ยิ่งทอเนื้อหนา-แน่นจะยิ่งแข็งแรง ทนทาน ดูดความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับทำผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าฝ้ายเนื้อบางถึงเนื้อหนาปานกลาง ใช้เป็นชุดสวมในฤดูร้อนจะรู้สึกเย็นสบาย คุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก แต่ปัจจุบันมีการตกแต่ง (Finish) ทำให้ผ้าไม่ใคร่ยับและรีดให้เรียบได้ง่ายขึ้น
ซักได้ด้วยผงซักฟอก ซักรีดได้ที่อุณหภูมิสูง
แมลงไม่กินแต่จะขึ้นรา
ติดไฟ ไม่มียาง ไหม้เหมือนกระดาษ เถ้ามีสีเทา นุ่ม

 ลินิน (linen) ทำจากต้น flax สามารถนำมาผลิตเป็นผ้าที่มีเนื้อบางมาก ๆ จนถึงผ้าเนื้อหนามาก เป็นเส้นใยธรรมชาติที่แข็งแรงที่สุด ใช้จนผ้าสึกบางจึงขาด ผ้ามีความเงามัน ผิวเรียบแข็ง ดูดซับน้ำได้ดีคุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก ควรตกแต่งกันยับ
ซักด้วยผงซักฟอก รีดขณะชื้นที่อุณหภูมิสูง
ถ้าเก็บผ้าลินินไว้นาน ๆ ต้องม้วนใส่แกนเก็บไว้ เพราะถ้าพับรอยพับจะหัก
ลักษณะการติดไฟเหมือน ฝ้าย

 ไหม (silk) เป็นเส้นใยโปรทีน ได้จากรัง (Cocoon) ของ ไหม ผ้ามีความมันนุ่มเป็นเงา ไม่ใคร่ยับ คงรูปร่างได้ดีเหมาะสำหรับตัดชุด ดูดความชื้นได้ดี มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิได้ดี จะรู้สึกเย็นสบายในหน้าร้อน และจะอบอุ่นในหน้าหนาว การซักผ้าไหม ถ้าจะให้คงความเงามัน คงรูปร่างควรซักแห้ง ไหมบางชนิดซักได้ด้วยมือในน้ำสบู่อย่างอ่อน (ผงซักฟอกจะทำลายความเงามันของไหม)ใช้ผ้าหมาด ๆ ปิดทับขณะรีด เผาไฟจะหดหนีไฟ พองตัว ติดไฟได้ เถ้านุ่ม




ขน สัตว์ (wool)
ผลิตจากขนสัตว์หลายชนิด เช่น แกะ แพะ อูฐ และกระต่าย แต่ที่ผลิตมากที่สุดได้แก่ขนแกะ ขนสัตว์จะให้ความอบอุ่นเพราะไม่นำความร้อน ดูดความชื้นได้ดีจึงสามารถถ่ายเทความชื้นจากร่างกาย หรือบรรยากาศทำให้ไม่เหนะหนะเวลาสวมใส่ เมื่อถูกความร้อนและชื้น ผ้าขนสัตว์จะเชื่อมติดกันเป็นแผ่น หดทุกครั้งเมื่อเปียก (Progressive Shrinkage) จึงไม่แนะนำให้ซักรีดเอง ควรส่งร้านที่มีความชำนาญในการซักรีดผ้าขนสัตว์ เว้นเสียจากจะมีป้ายที่ติดมากับเสื้อบอกไว้ว่า ซักรีดได้ (Washable) ผ้าขนสัตว์บางชนิดจะตกแต่งกันหด (Shrinkage Control) และป้องกันไม่ให้เชื่อมติดกันเมื่อซักรีด วิธีการดูแลรักษาอย่างง่าย คือใช้แปรงนุ่ม ๆ แปรงฝุ่นออกทุกครั้งหลังการใช้ ถ้าถูกน้ำให้สบัดออกอย่าแปรงขณะผ้าเปียก แขวนในที่มีอากาศโปร่ง อย่าใช้เสื้อผ้าชุดเดียวติดต่อกันหลายวัน เพราะเมื่อขนสัตว์ถูกแรงถูไถไปมานาน ๆ จะแข็งเป็นมัน บางชนิดขนจะหลุดถ้าจะเก็บผ้าขนสัตว์ไว้ ควรซักแห้ง เก็บในถุงพลาสติคผนึกให้สนิท มอด (Moth) ชอบกินขน สัตว์มากผ้าทอขนสัตว์จะผลิตจากด้าย 2 ประเภท ทำให้คุณสมบัติและราคาต่างกันมากผ้าที่ผลิตจากด้าย woolen เรียก woolen fabric ทำจากเส้นใยที่ผ่าน การสางครั้งเดียว เส้นใยมีความสั้น ยาว ปนกัน ผ้าค่อนข้างหยาบ บริเวณที่ถูกน้ำหนักกดทับเช่น ศอก เข้า ก้นมักจะเป็นโป่งเป็นถุงและเรียบเป็นมันผ้าที่ผลิตจากด้าย Worsted เรียก Worsted Fabric ทำจากเส้นใยที่ ผ่านการสางสองครั้ง เส้นใยเล็ก ยาว ละเอียด ด้ายเข้าเกลียวแน่น ผ้าเนื้อเบา ละเอียดราคาแพง กว่า Woolen มาก
นอกจากชนิดของเส้นด้ายแล้ว ยังมีการระบุชนิดของขนสัตว์ดังนี้
Virgin Wool หมายถึง ผ้าหรือผลิตภัณฑ์ขนสัตว์ซึ่งผลิตจากขนสัตว์ใหม่ที่ยังไม่เคยนำไปผลิตอะไรมา ก่อน
Re-processed Wool หมายถึงขนสัตว์ที่ได้จาก เศษเส้นใยเส้นด้ายหรือผ้าที่ยังไม่ผ่านการใช้นำมาตะกุยทำใหม่
Re-used Wool หมายถึง ขนสัตว์ที่ได้จากการนำเส้นใย เส้นด้ายหรือผ้าที่ผ่านการใช้มาแล้ว นำมาผลิตใหม่การเผาไฟ มีลักษณะเหมือนไหม



2. ใยสังเคราะห์จากสารเคมี
ใยสังเคราะห์จากสาร เคมีทุกชนิด จะมีคุณสมบัติเป็น thermoplastic fiber คือ เมื่อถูกความร้อนสูงจะละลาย จึงต้องซักรีดด้วยอุณหภูมิต่ำ ไม่ดูดความชื้น ใส่แล้วเหนอะตัว นอกจากจะตกแต่งให้ดูดความชื้น หรือถัก ทอโปร่งให้อากาศถ่ายเทเข้าออกได้ เช่น เสื้อ T-shirt ซีกรีดง่าย แห้งเร็ว ไม่ยับหรือไม่ใคร่ยับ
 ไนลอน (Nylon) Dr. W. H. Carothers แห่งบริษัท Du Pont อเมริกา ค้นพบเมื่อ 1930 ครั้งแรกได้เป็นเส้น ๆ นำมาทำแปรงสีฟัน ในปี ค.ศ. 1940 ผลิตเป็นถุงน่อง สตรี หลังจากนั้นได้พัฒนาเป็นเสื้อผ้าและของใช้มากมายหลายชนิดเส้นใยมีความเหนียว แข็งแรงทนทานมาก ยืดหยุ่นง่าย เมื่อถูกไฟจะละลาย ไม่ใคร่ไหม้ ออกจากไฟจะดับ เถ้าเป็นก้อนแข็งบีบไม่แตก

 โพลิเอสเตอร์ (Polyester) เส้นใยยาว มีลักษณะนุ่ม เงามัน เส้นใยสั้นมีลักษณะคล้ายฝ้าย และขนสัตว์ จึงเป็นเส้นใยที่ใช้เลียนแบบ และผสมกับเส้นใยอื่นได้ดี ใช้มากในวงการอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ดูดความชื้นได้น้อย น้ำหนักเบา ไม่ใคร่ยับ รีดจับจีบถาวรได้ มักผลิตเป็นผ้าประเภท Wash and Wear คือ รีดเพียงเล็กน้อย หรือไม่จำเป็นต้องรีด ปัญหาที่พบคือ ถ้าผลิตจากใยสั้นใช้ไปแล้วจะเป็นขุย เมื่อเผาจะละลายเป็นยางสีดำ ถ้าเผาจนสิ้นสุดเถ้าบางส่วนจะกรอบ

 อไค รลิคและโมดาไครลิค (Acrylic & Modacrylic) มี คุณสมบัติคล้ายกัน แต่โมดาไครลิคไม่ติดไฟ ปัจจุบันได้เติมสารป้องกันการติดไฟในขบวนการผลิตอไครลิคลักษณะคล้ายขนสัตว์ ใช้ทำขนสัตว์เทียม ผลิตผ้าที่มีขน ย้อมสีสวยงามและหรูหรา ดูแลรักษาง่าย ไม่เชื่อมติดกัน ไม่หด แห้งง่าย ทนต่อการซักฟอก นิยมใช้ทำเสื้อเวตเตอร์ ผ้าห่ม ถุงเท้า เสื้อผ้าขนหนา ๆ ฟูฟุ พรมปูพื้น ผสมกับเส้นใยขนสัตว์ทำให้น้ำหนักเบาดูแลรักษาง่ายขึ้น อะไครลิคเมื่อเผาไฟ จะละลายไหม้เป็นยาง
สแปนเด็กซ์ (Spandex) เป็น ใยยางสังเคราะห์ที่รู้จักกันในนาม Lycraดึงยืดได้ 6-7 เท่าของความยาวเดิม ต้านทานแรงดึงได้สูง ใช้ทำเครื่องรัดทรงสตรี ยางยืดและกิจการแพทย์

 
3. ใยสังเคราะห์จากวัตถุธรรมชาต
ทั้งเรยอน และอซิเตท เป็นใยเซลลูโลสประดิษฐ์จากเศษใยฝ้าย และหรือเศษเนื้อไม้
เรยอน (Rayon) ต้นทุนการผลิตค่อน ข้างถูกสามารถผลิตเส้นใยที่ใช้เลียนแบบเส้นใยอื่นได้ดี เมื่อผสมกับเส้นใยอื่นทำให้ผ้าถูกลง นุ่ม สวยงาม เรยอนมีคุณสมบัติคล้ายใยธรรมชาติ เป็นผ้าที่ยับง่าย คลายยับยาก รีดเรียบทิ้งไว้จะลู่ลงมา เส้นใยมีความเงามันคล้ายไหม ดูดซับน้ำได้ดี เปื่อยง่าย ติดไฟได้รวดเร็ว ลักษณะการไหม้จะคล้ายฝ้าย แต่ไหม้ได้เร็วกว่า


 อซิเตท (Acetate) ผ้าเนื้อนุ่ม เป็นเงามัน ส่วนใหญ่ใช้ทำผ้าแพรต่วน มักผสมกับอซิเตทเข้ากับเส้นใยอื่น เพื่อลดต้นทุนหรือเพิ่มคุณสมบัติของเส้นใย เช่น
ผสมกับขนสัตว์ ทำให้ผ้าคงรูปดี เหนียว ราคาถูกลง
ผสมกับเรยอน ทำให้ยับน้อยลง เหนียว คงทนขึ้น ผ้ารักษารูปทรงได้ดีขึ้น รีดให้เรียบได้ง่ายขึ้น
อซิ เตท มีคุณสมบัติคล้ายใยสังเคราะห์จากสารเคมี ไม่ใคร่ยับ ไม่หด ไม่ใคร่ดูดความชื้น ใส่แล้วเหนอะหนะ แต่จะดูดซึมของเหลวได้ดี รีดให้เรียบได้ง่ายแต่ต้องใช้อุณหภูมิต่ำเพราะไม่ทนความร้อน ถูกความร้อนสูงจะละลาย ละลายใน Acetone และยาล้าง เล็บ


จดจำไว้ด้วยนะ